-

***

22 พ.ค. 2554

สิ่งที่ไม่อาจเรียกคืน หรือ เข้าใจผิด misunderstanding




วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องเข้าใจผิด คุณเคยนับบ้างหรือเปล่าว่าคุณเคยเข้าใจผิดกี่ครั้ง และตัดสินใจผิดๆ ไปเพราะความเข้าใจผิดกี่หน ฉันกำลังพูดถึงว่าบางครั้งสิ่งที่ตาเรามองเห็นก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องจริงเสมอไป วันนี้ ฉันจึงนำเรื่องเตือนใจเกี่ยวกับความเข้าใจผิดมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังกัน ลองฟังดูนะว่าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่เป็นอย่างนี้หรือเปล่า



เรื่อง คุ้กกี้ 1 ห่อกับการติดสินคน

ที่สนามบินนานาชาติระดับโลก มีนักธุรกิจหญิงแต่งตัวดีจำเป็นต้องรอเวลาถึง 3 ชั่วโมงในการเปลี่ยนเครื่องบินเพื่อใปจุดหมายปลายทาง เธอจึงตัดสินใจเดินไปซื้อหนังสือ 1 เล่ม และคุ๊กกี้ 1 ห่อ เตรียมหาที่นั่งเพื่ออ่านและกินขนมฆ่าเวลาไปพลางๆ

และเธอก็มองหาที่นั่งได้ 1 ที่ เมื่อนั่งลงแล้วเธอก็เตรียมหนังสือและคุ้กกี้เพื่ออ่านและกินขนมไปพลางๆ เธอสังเกตเห็นว่าข้างๆ เธอมีชายหนุ่มซึ่งนั่งเหยียดกายอย่างไม่สนใจใคร ว่าจะมีใครนั่งอยู่ข้างๆ เขา สักครู่หนึ่งขณะที่เธออ่านหนังสืออยู่ ชายหนุ่มก็หยิบขนมคุ้กกี้ออกจากถงซึ่งวางอยู่ระหว่างคนทั้งสอง แล้วกินมันอย่างละชิ้น

เธอมองด้วยความโกรธแต่ไม่ต้องการทำเรื่องวุ่นวาย เธอจึงทำเป็นไม่สนใจ เธอเริ่มรู้สึกเบื่อที่จะกินคุ้กกี้และเฝ้ามองนาฬิกาในขณะที่ชายหนุ่มซึ่งเป็นผู้ขโมยไร้ยางอาย กำลังกินมันให้หมดสิ้นไป เธอเริ่มโมโหและคิดในใจว่า "ถ้าฉันไม่ใช่ผู้ดีมีการศึกษาแล้วละก็ .... ฉันจะชกหน้าเจ้าหมอนี้ให้แหลกไปเลย"

ทุครั้งที่เธอหยิบกิน 1 ชิ้น ชายหนุ่มก็หยิบมันกินเช่นกัน 1 ชิ้น ทั้งสองส่งสายตามองกัน เมื่อคุ้กกี้เหลือเพียงชิ้นสุดท้าย เธอหยุดและอยากรู้ว่าชายหนุ่มจะทำอย่างไร ชายหนุ่มค่อยๆ หยิบคุ้กกี้ชิ้นสุดท้ายแล้วหักออกเป็น 2 ชิ้นส่งให้เธอครึ่งชิ้นและกินเองครึ่งชิ้น เธอรับจากชายหนุ่มอย่างรวดเร็วและ คิดในใจว่า "เขาช่างเป็นคนไร้มารยาทสุดๆ ช่างไร้การศึกษา ไม่มีแม้แต่พูดขอบคุณสักคำ"

เธอลุกขึ้นหยิบข้าวของทั้งหมดแล้วตรงไปยังประตูขึ้นเครื่องไม่แม้แต่เหลียวกลับมามองหัวขโมยผู้ไร้มารยาทซึ่งยังนั่งอยู่ที่เดิม

ภายหลังจากขึ้นเครื่องและนั่งประจำที่อย่างสบายแล้วเธอก็หยิบหนังสือที่อ่านค้างอยู่ขึ้นมาอีกครั้ง ในขณะที่หยิบหนังสือจากกระเป๋าก็พบว่ามีขนมคุ้กกี้ 1 ห่อ เธอตกใจมากถ้าคุ้กกี้ของฉันอยู่ที่นี่ก็แปลว่า "คุ้กกี้ห่อนั้นเป็นของชายหนุ่มที่แบ่งให้เธอกิน" เธอลุกขึ้นทันที แล้ววิ่งออกจากเครื่องบินไปยังที่นั่งของชายหนุ่ม แต่คงเหลือแต่ที่นั่งว่างเปล่า มันสายไปเสียแล้วที่จะได้ขอโทษชายหนุ่ม ระหว่างเดินกลับเข้าเครื่องเธอรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เธอนั่นเองที่ไร้มารยาทเป็นหัวขโมยที่ไร้การศึกษาตัวจริง

มีกี่ครั้งในชีวิตของคนเรา ที่ค้นพบในภายหลังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องจริงมันเป็นการเข้าใจผิด มีกี่ครั้งที่ชีวิตที่เราขาดความไว้วางใจผู้อื่นและทำให้เราติดสินผู้อื่นจากความคิดเย่อหยิ่งของเราเองซึ่งห่างไกลจากความเป็นจริงมากมาย นี่แหละที่ทำให้เราต้องคิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ก่อนตัดสินผู้อื่น หลายๆ สิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นควรมองผู้อื่นในแง่ดีแล้วคอยสงสัยตัวเองว่า "เรามองโลกในแง่ดีพอแล้วหรือยัง" เราเคยแบ่งปันอะไรแก่คนอื่นบ้างหรือไม่

ความเข้าใจผิดนั้นจริงๆ แล้วมันเป็นเพียงความคิดของคุณที่จะติดสินเรื่องนั้น เรื่องนี้ จากใจของคุณเอง แต่ถ้าคุณลองที่จะคิดในแง่ดี ลองที่จะถามเขาถึงความเป็นไปความเป็นมา การเข้าใจผิดนั้นก็จะลดน้อยลงไปได้ สุขใจนะเองก็จะเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า เรื่องที่ผ่านไปแล้วเราไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้ ดังนั้นเราต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เพราะเมื่อเราหันกลับไปมองมันเราจะไม่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเนื่องจากเราทำดีที่สุดแล้วนั่นเอง

เหตุการณ์นี้เตือนใจให้เธอนึกถึงภาษิตสอนใจบทหนึ่งที่ว่า…

“มี 4 อย่างที่ไม่อาจเรียกคืนได้ นั่นคือ

ก้อนหิน…ที่ถูกขว้างออกไปแล้ว

คำพูด…การโต้เถียง… ที่พูดออกไปแล้ว

โอกาส… ที่เสียไปแล้ว

เวลา… ที่ผ่านไปแล้ว…”

ไม่มีความคิดเห็น:

.